September 20, 2017 Editorial

เลือดกำเดาไหล กรณีไหนที่ถือว่าฉุกเฉิน?

เลือดกำเดาไหล เป็นกรณีที่เชื่อว่าแทบจะทุกคนต้องเคยพบในช่วงหนึ่งของชีวิต จนเราอาจมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่จริงๆ แล้วการมีเลือดออกทางจมูกแบบนี้ บางกรณีก็ถือเป็นภาวะฉุกเฉินนะครับ

 

 

เมื่อไหร่ที่ไม่ปกติ

เมื่อไหร่ที่ไม่ปกติ

เลือดกำเดาไหล หรือการมีเลือดออกทางจมูก คือภาวะที่มีเลือดออกจากโพรงจมูกทางส่วนหน้า หรือส่วนหลังของโพรงจมูก สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งพบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่จะพบได้สูงในเด็กอายุ 2-10 ปี และในวันรุ่นถึงวัยกลางคน ส่วนมากจะไม่มีอันตรายร้ายแรงให้ต้องกังวล สามารถหยุดไหลได้เอง

แต่ก็มีบางกรณีซึ่งถือว่าเป็นกรณีฉุกเฉิน ที่ควรรีบไปพบแพทย์

  • เมื่อได้รับอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บ มีแผล เช่นอุบัติเหตุทางรถยนต์และมีเลือดกำเดาไหลร่วมด้วย
  • มีเลือดกำเดาไหลมากกว่าปกติ หรือมีเลือดไหลบริเวณส่วนอื่นของร่างกายด้วย
  • เลือดกำเดาไหลแล้วรู้สึกหายใจลำบาก
  • เลือดกำเดาไหลนานกว่า 20 นาที

 

เลือดกำเดาไหลในเด็ก

เลือดกำเดาไหล ในเด็ก

ในเด็กอายุ 2-10 ปี จะมีอาการเลือดกำเดาไหลได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่นกันครับ โดยเฉพาะอากาศหนาวหรืออุบัติเหตุเล็กน้อย ซึ่งหากสามารถหยุดได้เองก็ถือว่าไม่เป็นอะไร แต่ในบางกรณี ควรรีบพาไปพบแพทย์หากมีเลือดกำเดาไหลในสถานการณ์ต่อไปนี้

  • มีเลือดไหลมาก และรู้สึกเวียนหัวหรืออ่อนแรง
  • เลือดกำเดาไหลเพราะตกจากที่สูงหรือจากอุบัติเหตุอื่นๆ
  • เลือดไหลไม่หยุด นานกว่า 10 นาที

 

เมื่อลังเลว่าควรไปพบแพทย์หรือเปล่า

เมื่อลังเลว่าควรไปพบแพทย์หรือเปล่า

การมีเลือดกำเดาไหลบ้างนานๆ ครั้งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ยังไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ถ้าหากมีปัญหาสุขภาพร่วมด้วย เลือดกำเดาไหลอาจเป็นสัญญาณอันตรายได้ แม้ว่าบางครั้งอาจจะดูไม่ได้ร้ายแรงก็ตาม ซึ่งควรไปพบแพทย์ เพื่อที่จะให้แพทย์จะช่วยหาสาเหตุ และทำการรักษาต่อไปได้ครับ

ในกรณีที่เริ่มใช้ยาบางชนิด และมีเลือดกำเดาไหลก็เช่นกันครับ เพราะอาจเกิดจากสาเหตุผิดปกติภายในร่างกาย หรือยาบางชนิดก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดกำเดาไหลง่ายและมากกว่าเดิม ซึ่งอาจจะไม่สามารถหยุดได้ด้วยตัวเอง แพทย์อาจต้องใช้เครื่องมือเพื่อช่วยให้เลือดหยุดไหล

แม้ว่าจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่อาการที่มีเลือดไหลไม่ว่าจากอวัยวะไหนก็ตามของร่างกาย อาจทำให้เกิดเลือดคั่งได้ ถ้าหากว่ามีเลือดกำเดาไหลไม่หยุด หรือมีเลือดไหลจากเหงือก หรือจากอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาเป็นกรณีฉุกเฉินครับ

รวมถึงกรณีเหล่านี้เช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่ช่วงไหนของอายุก็ควรรีบไปพบแพทย์ครับ คือ

  • มีเลือดกำเดาไหลบ่อยครั้ง
  • มีเลือดกำเดาไหลเพราะมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในจมูก
  • เลือดกำเดาไหลอย่างหนักแม้ว่าได้รับอุบัติเพียงเล็กน้อย
  • มีเลือดไหลจากอวัยส่วนอื่นด้วย เช่นที่เหงือก
  • มีแผลฟกช้ำร่วมด้วย จากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย

ถ้าหากเสียเลือดมาก ไม่ว่าจะจากเลือดกำเดาไหล หรือจากอวัยวะอื่นๆ และต้องการพบแพทย์อย่างฉุกเฉิน แนะนำว่าไม่ควรขับรถหรือเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง ควรให้เพื่อนหรือครอบครัวเป็นผู้พาไปโรงพยาบาล หรือต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน โทรเรียกรถพยาบาล 1669 ก็ได้ครับ

 

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อมีเลือดกำเดาไหล

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อมีเลือดกำเดาไหล

เมื่อเกิดเลือดกำเดาไหล คนส่วนใหญ่จะรีบเงยหน้าเพื่อให้เลือดหยุดซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ผิดนะครับ วิธีที่ถูกต้องให้จำว่ามี 4 ขั้นตอนหลัก ซึ่งสามารถใช้ได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คือ

• บีบจมูก ตรงปีกจมูกทั้ง 2 ข้างเข้าหากัน โดยหนีบบริเวณผนังกั้นจมูกเอาไว้เพื่อกดจุดเลือดไหลออก เป็นเวลาประมาณ 5-10 นาที โดยต้องกดหรือบีบไว้ให้แน่น แล้วค่อยคล้ายออก

• นั่งหลังตรง ห้ามเอนตัวลงนอน เพราะการนั่งหลังตรงจะช่วยบังคับให้ปริมาณและความแรงของเลือดลดลงเพราะ ศีรษะอยู่สูง

• ก้มหน้าเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลลงคอ ซึ่งจะทำให้ระคายเคืองและสำลักเลือด เลือดจะออกมากขึ้น และเลือดอาจเข้าไปในปอดก่อให้เกิดปอดอักเสบตามมาได้

• อ้าปากเพื่อหายใจ ในระหว่างที่บีบจมูกอยู่

 

นอกจากนี้ อาจใช้ผ้าเย็น หรือน้ำแข็งห่อผ้าหรือใส่ถุงพลาสติก หรือเจลประคบเย็น (Cold pack) วางประคบบนสันจมูกเอาไว้ เพื่อให้ความเย็นช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัว หรือประคบเย็นที่บริเวณหน้าผากและคอร่วมด้วยก็ได้ครับ

และเมื่อมีเลือดกำเดาไหลเกิดขึ้น นี่เป็นพฤติกรรมที่ก็ควรหลีกเลี่ยงด้วยเช่นกันครับ

  • การสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้จมูกแห้ง
  • การพูด การไอหรือจามในขณะที่เลือดกำเดากำลังไหลอยู่
  • ห้ามสั่งจมูกหรือแคะจมูก เพราะอาจทำให้เลือดที่แข็งตัวแล้วหลุดออกและเลือดไหลอีกครั้ง

 

ถ้าอาการเลือดกำเดาไหลของคุณเข้าข่ายกรณีฉุกเฉิน ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนในทุกกรณี แต่ถ้ามีความกังวลหรือลังเลใจกับอาการเลือดกำเดาไหลในบางกรณี แทนการหาข้อมูลด้วยตนเองทางอินเตอร์เน็ต ที่อาจทำให้เข้าใจผิดหรือสับสนได้ การปรึกษาแพทย์ผ่านทาง Telemedicine เป็นทางเลือกที่สามารถช่วยให้คำปรึกษาและข้อมูลที่ถูกต้องกว่า เพราะเป็นการปรึกษากับบุคลากรทางการแพทย์โดยตรงนะครับ

สนใจทดลองใช้ Telemedicine ลองโหลด See Doctor Now แอพพลิเคชั่น Telemedicine รายแรกของประเทศไทย ใช้ได้ทั้งระบบ iOS และ Android ให้บริการด้วยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพถูกต้อง พร้อมพยาบาลวิชาชีพในการให้บริการเบื้องต้นแบบเดียวกับโรงพยาบาล

เมื่อเข้าถึงหมอกันได้ง่ายขึ้นแบบนี้ ก็อย่าฝากชีวิตไว้ในมือของ “หมอกูเกิล” กันต่อไปเลยนะครับ

 

Source; WebMD Medical Reference Reviewed by melinda Ratini, DO, MS on January 12, 2017