มีหลายเรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดกับ การหย่อนสมรรถภาพทางเพศผู้ชาย ซึ่งมีทั้งเรื่องจริงและไม่จริงครับ และการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่น แต่สามารถส่งผลกระทบต่อปัญหาครอบครัวถึงขั้นหย่าร้าง นอกจากนั้น ยังทำให้สูญเสียความมั่นใจ และส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นสัญญาณเตือนภัยโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือโรคหัวใจ อีกด้วยครับ
และนี่คือ 10 เรื่องที่มักจะเข้าใจกันผิดๆ มากที่สุดในเรื่องการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย เรามีคำตอบที่รวบรวมจากผู้เชี่ยวชาญมาให้แล้วครับ
1. การหย่อนสมรรถภาพทางเพศผู้ชาย เป็นเรื่องปกติเมื่อมีอายุมากขึ้น
ไม่จริงครับ การหย่อนสมรรถภาพทางเพศโดยสิ้นเชิงไม่ใช่เรื่องปรกติของผู้ชายที่มีอายุมากขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้ว มักจะมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ เช่น โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ระดับฮอร์โมนต่ำ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่
2.ยาที่สั่งโดยแพทย์มีส่วนทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
มีความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม มียามากกว่า 200 ชนิดที่อาจเกี่ยวข้อง และทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้
3.อวัยวะเพศของผู้ชายสามารถแข็งตัวเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ
ไม่จริงครับ ในวัยรุ่นชายอาจจะทำได้ แต่สำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้น การแข็งตัวของอวัยวะเพศไม่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยเหมือนเดิม ฮอร์โมนในร่างกายและการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอื่นๆ สามารถมีผลต่อระดับความตื่นตัวทางเพศของผู้ชายได้ อาจต้องใช้เวลานานที่จะทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว และอาจจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นโดยตรงและการเล้าโลมมากขึ้น
4.บางครั้งการหย่อนสมรรถภาพทางเพศก็เป็นปัญหาทางจิตวิทยา
ปัจจัยทางด้านจิตใจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ในกลุ่มผู้ที่มีอาการนี้ประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ที่มีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มักมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ซ่อนอยู่ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจความดันโลหิตสูง ผ่านการผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก ใช้ยาผิดประเภท หรือดื่มแอลกอฮอล์
5.การใส่กางเกงในที่คับเกินไปทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ไม่จริงครับ การหย่อนสมรรถภาพทางเพศสามารถเกิดได้จากทั้งปัจจัยทางด้านกายภาพ หรือทางจิตใจ แต่การสวมใส่กางเกงในคับแน่นเกินไปไม่ได้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดครับ
6.การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้ยาเสพติด อาจทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้
จริงครับ สิ่งเหล่านี้มีสารที่อาจทำให้หลอดเลือดเสียหาย หรือจำกัดการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ครับ
7.ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่เคยมีประสบการณ์การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ไม่จริงครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ต่างมีประสบการณการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อย่างน้อยอาจจะครั้งหนึ่งหรือมากกว่านั้น ซึ่งจากผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า มีผู้ชายอายุระหว่าง 40-70 ปี มากถึง 52% ที่ประสบปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
8.เมื่อเกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศบ่อยครั้งควรได้รับการรักษา
ใช่ครับ ผู้ชายควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา ถ้าการหย่อนสมรรถภาพเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือประมาณ 50% ของเวลาที่ต้องการ หรือเมื่อมันเริ่มเป็นปัญหาที่รบกวนจิตใจและการใช้ชีวิต ทั้งของตัวเองและคู่ครอง
9.การขี่จักรยานส่งผลให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ไม่จริงครับ การขี่จักรยานในปริมาณปานกลางไม่ได้ส่งผลให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยระบุว่าการขี่จักรยานระยะไกลในกลุ่มผู้ชายอายุ 50 ปี ทำให้เกิดสารแอนติเจน (สารก่อภูมิต้านทาน) ของต่อมลูกหมาก หรือ PSA (prostate-specific antigen) เพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย ดังนั้น หากผู้ชายคนไหนต้องเข้ารับการตรวจค่า PSA ในเลือด ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก ควรจะงดขี่จักรยาน รวมถึงงดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวันตรวจ เป็นระยะเวลา 2-3 วันครับ
10.การไร้สมรรถภาพทางเพศมีผลแค่ในผู้ชายที่หย่อนสมรรถภาพทางเพศเท่านั้น
ไม่จริงครับ ทั้งตัวผู้ชายเองและคู่ครองต่างมีปัญหากับอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่ไม่ได้รับการรักษาได้พอๆ กันครับ การไม่ยอมรับว่าเกิดอาการนี้ และไม่รับการเยียวยา อาจจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า มีความวิตกกังวล และขาดความนับถือตนเองได้ สำหรับทั้งสองฝ่ายครับ