August 7, 2017 Editorial

เบื่อ ซึมเศร้า เหวี่ยง วีน! ฮอร์โมนทำพิษหรือเปล่า?

“ฮอร์โมน” ที่เราไม่สามารถเห็น สัมผัส ลิ้มรส หรือได้ยิน เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อสุขภาพ อารมณ์ และความเป็นอยู่ที่ดีของเรา และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ “ฮอร์โมน” ที่เคยมีตามปกติ มีน้อยหรือมากเกินไปในร่างกาย และจะแก้ไขได้ยังไง เรามีบทสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับฮอร์โมนมาให้แล้ว

 

เอสโตรเจน

มันทำหน้าที่อะไร : เอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนหลักของผู้หญิง ซึ่งรับผิดชอบในการควบคุมการมีประจำเดือนและการหมดประจำเดือน เอสโตรเจนยังรับผิดชอบต่อความหนาของผิว การไหลของเลือด คอลลาเจน และน้ำในผิว ช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลที่ “ไม่ดี” (LDL) และเพิ่มระดับของคอเลสเตรอลที่ “ดี” (HDL) และยังเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ระดับเอสโตรเจนยังสามารถส่งผลกระทบต่อวิธีที่ไขมันถูกจัดเก็บในร่างกาย ความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นสามารถนำไปสู่การจัดเก็บไขมันมากขึ้นในทั้งผู้ชายและผู้หญิง

สัญญาณว่าเกิดความไม่สมดุล : สัญญาณภายนอกว่าระดับเอสโตรเจนต่ำคือระดับพลังงานต่ำ ผิวบางและเหี่ยว รอยย่น และผมร่วง ส่วนภายในอาจนำไปสู่การมีกระดูกเปราะ เอสโตรเจนในระดับสูงเกิดขึ้นได้ยากกว่า สัญญาณคือทรวงอกจะมีก้อนและเจ็บปวด

ทำไมถึงไม่สมดุล : กรณีของการมีเอสโตรเจนมากเกินไปหาได้ยาก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ จากการกินยาคุมกำเนิด หรือการทำฮอร์โมนบำบัด การมีเอสโตรเจนต่ำสามารถเกิดขึ้นได้จากการกินอาหารที่ไม่ดี การออกกำลังมากเกินไป และโรคหรือความผิดปกติของต่อมใต้สมอง

ทำอะไรได้บ้าง : การบริโภคไฟโตเอสโตรเจน เช่น ถั่วเหลืองในระดับปานกลาง อาจช่วยรักษาระดับเอสโตรเจนให้สมดุลได้ มีการศึกษาจำนวนมากเกี่ยวกับถั่วเหลืองและพบว่า ไอโซฟลาวานอยด์ดูเหมือนจะช่วยลดอัตราการเกิดและความรุนแรงของการร้อนวูบวาบ และเพิ่มการหล่อลื่นในช่องคลอดได้ นอกจากนี้การรักษาน้ำหนักตัวในอยู่ในระดับที่ดี ยังสามารถช่วยรักษาระดับเอสโตรเจนได้ด้วย

 

DHEA-ฮอร์โมนต่อต้านความชรา

มันทำหน้าที่อะไร : DHEA (dehydroepiandrosterone) ถูกผลิตในต่อมหมวกไต และในร่างกายส่วนอื่น มีหลักฐานที่ทำให้ทราบว่ามันช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการซึมเศร้า และควบคุมผลกระทบของการมีคอร์ติซอลมากเกินไป การศึกษาแสดงให้เห็นว่า DHEA ช่วยเรื่องความหนาแน่นของกระดูก และสามารถป้องกันหรือชะลอการเริ่มของมะเร็ง โรคอ้วนและเบาหวาน และยังเพิ่มมวลกล้ามเนื้อที่ไม่มีไขมันพร้อมกับลดไขมันในร่างกาย

สัญญาณว่าเกิดความไม่สมดุล : โรคหลายโรคเป็นผลมาจากการมีอายุมากขึ้นซึ่งเป็นลักษณะของการลดลงของ DHEA อาการของการซึมเศร้าและภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น การเป็นไข้หวัดซ้ำๆ

ทำอะไรได้บ้าง : DHEA ถูกผลิตขึ้นในหลายส่วนของร่างกาย จึงยากที่จะวัดจากการตรวจเลือดหรือน้ำเหลือง การออกกำลัง การควบคุมอาหาร การจัดการความเครียด และอาหารเสริม สามารถเพิ่มการไหลเวียนของ DHEA แต่การอาหารเสริม DHEA ควรปรึกษาแพทยเท่านั้น

 

คอร์ติซอล

มันทำหน้าที่อะไร : ในเวลาที่เครียด ปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกายคือเพิ่มระดับของคอร์ติซอล เพื่อช่วยควบคุมสถานการณ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะลดลงไปสู่ระดับปกติหลังจากนั้น แต่ในบางคนระดับคอร์ติซอลอาจจะยังคงสูงอยู่ การนอนดึกและนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือทีวี ก็ส่งสัญญาณให้ร่างกายผลิตคอร์ติซอลมากขึ้นด้วย แต่การเพิ่มขึ้นในระยะสั้นของคอร์ติซอล ไม่จำเป็นต้องกังวล ประเด็นที่ควรห่วงคือเมื่อระดับคอร์ติซอลสูงอยู่เสมอ

สัญญาณว่าเกิดความไม่สมดุล : การเหนื่อยในตอนเช้าและหลับยากเป็นสัญญาณว่า เกิดความไม่สมดุล การที่ระดับคอร์ติซอลสูงอย่างต่อเนื่องยังอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะ ความดันเลือดสูง เหนื่อย วิตกกังวล และคอเลสเตอรอลสูง

ทำอะไรได้บ้าง : ข่าวดีคือคุณสามารถต่อสู้ความเครียดได้ การออกกำลังสามารถช่วยลดระดับความเครียดได้ ปัจจัยสำคัญคือต้องพอดีๆ การออกกำลังหนักเกินไปอย่างต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การออกกำลังมากเกินไป และทำให้มีระดับคอร์ติซอลสูงอย่างต่อเนื่อง   

เมลาโทนิน

มันทำหน้าทีอะไร : เมลาโทนินถูกผลิตที่ต่อมไพเนียลในสมอง และเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการนอน เมื่อพระอาทิตย์ตกระดับของคอร์ติซอลจะลดลง เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมลาโทนินมากขึ้น และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเชื่อว่าช่วยป้องกันมะเร็ง

สัญญาณว่าเกิดความไม่สมดุล : ถ้าคุณหลับยาก หลับไม่ลึกหรือทรมานจากการนอนไม่หลับ  คุณอาจจะมีความไม่สมดุลของเมลาโทนิน ซึ่งถ้าคุณกำลังผลิตคอร์ติซอลมากเกินไป จะส่งผลกระทบต่อการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งจะทำให้คุณตื่นนานขึ้นมื่อมีแสงในตอนกลางคืน และผลิตเมลาโทนินน้อยลง

ทำอะไรได้บ้าง : การประเมินปัญหาจากเมลาโทนินขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้ ถ้าคุณมีเมลาโทนินต่ำ ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งอาจสั่งให้เข้านอนเร็วขึ้น หรือหยดเมลาโทนินใต้ลิ้น หรือกินเมลาโทนินแบบเม็ด ซึ่งต้องมีใบสั่งแพทย์

เทสโทสเทอโรน

มันทำหน้าที่อะไร : เทสโทสเทอโรนไม่ได้สำคัญแค่สำหรับผู้ชาย ผู้หญิงก็มีด้วย ถึงแม้ว่าจะระดับต่ำมาก ในปริมาณที่เหมาะสม เทสโตสเทโรนสามารถช่วยในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงและอาจะจะเพิ่มประสิทธิภาพของสมอง ในระดับต่ำอาจมีผลต่อความต้องการทางเพศ การจัดเก็บไขมันในระดับสูงกว่าและเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ

สัญญาณของความไม่สมดุล: สำหรับผู้ชายและผู้หญิงคือ น้ำหนักเพิ่ม (โดยเฉพาะรอบเอว) ความต้องการทางเพศลดลง นอนไม่หลับ การซึมเศร้าและความจำไม่ดี สามารถเป็นสัญญาณว่าระดับเทสโตสเทโรนต่ำเกินไป ในผู้ชายระดับเทสโตสเทโรนต่ำสามารถนำไปสู่การไม่แข็งตัวของอวัยวะเพศ  และในผู้หญิงถ้าระดับเทสโทสเทอโรนสูงอาจทำให้ผมยาวมากเกินไป เสียงแหบและเป็นสิว

ทำไมถึงไม่สมดุล: การผลิตเทสโทสเทอโรนขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น การกินอาหาร อารมณ์และกิจกรรมในแต่ละวัน ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าการกินเนื้อมากเกินไป การใช้ชีวิตที่ไม่เคลื่อนไหว การดื่มมากเกินไป และการสูบบุหรี่ สามารถนำไปสู่ความไม่สมดุลของเทสโทสเทอโรนและความบกพร่องของฮอร์โมนเพศชายเร็วเกินไป

ทำอะไรได้บ้าง : เหมือนกับฮอร์โมนส่วนใหญ่ ปัจจัยการใช้ชีวิต เช่น การได้นอนหลับอย่างเพียงพอและการรักษาน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ การกินอาหารที่สมดุล และการออกกำลังกายตามปกติเป็นสิ่งที่ต้องทำ การศึกษาชิ้นหนึ่งยังแสดงให้เห็นว่า การควบคุมการบริโภคไขมัน (ไขมันอิ่มตัวและโมเลกุลเดี่ยวไม่อิ่มตัว) และการออกกำลังที่เข้มข้น สามารถช่วยปรับระดับเทสโทสเทอโรนได้

 

 

เซโรโทนิน

มันทำหน้าที่อะไร : เซโรโทนินเป็นที่รู้จักว่าเป็นสารเคมีที่ช่วยให้รู้สึกดีตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยควบคุมอารมณ์  วงจรการนอน ความอยากอาหาร ความจำ และระบบกล้ามเนื้อบางอย่าง

สัญญาณของความไม่สมดุล: เซโรโทนินระดับต่ำอาจทำให้เกิดโรคซึมเศร้า สัญญาณของระดับต่ำอื่นๆ คือไมเกรน น้ำหนักเพิ่ม และปัญหาการนอนไม่หลับ การมีเซโรโทนินมากเกินไปก็เป็นปัญหา อาจทำให้เกิดการกระสับกระส่าย ความสับสน และความต้องการทางเพศลดลง

ทำไมจึงเกิดความไม่สมดุล : ไม่เหมือนกับระดับเอสโตรเจนและเทสโตรเทโรน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับรูปแบบการใช้ชีวิต ความไม่สมดุลของเซโนโทนินบางครั้งเกิดจากสมองไม่ผลิตฮอร์โมนอย่างเพียงพอ เพื่อควบคุมระดับอารมณ์และความเครียดอย่างถูกต้อง ในกรณีที่ระดับเซโรโทนินสูงเกินไป ยาคลายประสาท การรักษา หรืออาหารเสริมบางอย่างอาจเป็นสาเหตุ

ทำอะไรได้บ้าง : ในกรณีรุนแรงหมออาจสั่งให้ใช้ยาลดอาการซึมเศร้า เพื่อปรับสมดุลของระดับเซโรโทนินในสมอง วิธีตามธรรมชาติเพื่อช่วยควบคุมการผลิตเซโรโทนิน คือการนอนตามปกติ (7-8 ชั่วโมงต่อคืน) การกินอาหารที่ทริปโตฟานสูง เช่น เนื้อหมู อะโวคาโด้ และโยเกิร์ต และการได้ออกกำลังอย่างเพียงพอ

, , , , , , , ,