July 26, 2017 Editorial

6 ปัญหาสุขภาพที่มนุษย์เงินเดือนเสี่ยงต้องเจอ!

ปัญหาสุขภาพที่มนุษย์เงินเดือนเสี่ยงต้องเจอ จากการนั่งทำงานโต๊ะเป็นเวลานานๆ จนสามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราได้ ทั้งอาการปวดหลัง ตาล้า หรือนอนไม่หลับ ล้วนเป็นผลมาจากการไม่ค่อยเคลื่อนไหวในระหว่างการทำงานที่เต็มไปด้วยความเครียด! 

 

 

1 Carpal Tunnel Syndrome (กลุ่มโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ)

ต้นตอของปัญหา : การเคลื่อนไหวใดก็ตามที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นเวลานานๆ สามารถทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือปวดได้ ซึ่งกลุ่มโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือนี้ ไม่ใช่แค่อาการเมื่อยล้าจากการพิมพ์งานมากเกินไป มันเป็นอาการปวด ชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออาจเจ็บร้าว เมื่อเส้นประสาทที่ส่งผ่านท่อนแขนถูกกดทับโดยเส้นเอ็นที่บวมขึ้นในบริเวณข้อมือ

การป้องกัน : ก่อนที่คุณจะต้องบำบัดอาการนี้ด้วยการฝังเข็ม ยา หรือแม้แต่การผ่าตัด การยืดกล้ามเนื้อหรือการบริหารบางท่าสามารถช่วยคลายความตึงเครียดที่มือได้ โดยในขณะพิมพ์งาน ควรยกข้อมือสูงเหนือที่รองข้อมือบนคีบอร์ด และใช้ที่รองข้อมือสำหรับวางมือเมื่อพักการจากการพิมพ์งานเป็นครั้งคราวเท่านั้น

 

2 ปวดหลังส่วนล่าง

ต้นตอของปัญหา : การนั่งนานหลายๆ ชั่วโมง โดยเฉพาะถ้าคุณนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้อง และไม่ขยับเปลี่ยนท่าเป็นพักๆ มันสามารถทำร้ายร่างกายคุณได้เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ โดยจากผลสำรวจของหมาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในสหรัฐฯ พบว่า อาการปวดหลังเป็นสาเหตุที่ทำให้คนขาดงานบ่อยที่สุด

และท่าทางที่ไม่เหมาะสมเวลานั่งโต๊ะทำงาน ไม่ใช่แค่การนั่งหลังงอ แต่ท่านั่งที่ทำให้แอ่นหลังมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน

การป้องกัน : นอกเหนือจากการระวังท่าทางในการนั่งขณะทำงานแล้ว การออกกำลังเป็นประจำรวมถึงการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรง ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยลดการกดทับที่หลังส่วนล่างได้ คุณผู้ชายที่ชอบเอากระเป๋าสตางค์หนาๆ ใส่ไว้ที่กระเป๋ากางเกงหลัง ก็ควรระวังเช่นกัน เพราะการนั่งทับกระเป๋าตังค์ใบหนาๆ นานๆ ทำให้เกิดการกดทับที่เส้นประสาท ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเจ็บหลังได้

อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของอาการปวดหลังในที่ทำงานก็คือ การยกหรือถือของอย่างไม่ถูกต้อง การเรียนรู้และทำตามวิธีการที่ถูกต้องในการยกของและถือของสามารถป้องกันอาการปวดหลังได้  โดยขณะยกให้น้ำหนักอยู่ใกล้กับช่วงเอวมากที่สุด หลีกเลี่ยงการบิดหลังหรือเอียงไปข้างๆ กระจายน้ำหนักให้สม่ำเสมอ พยายามใช้การดันแทนการดึง และสิ่งสำคัญก็คือควรรู้ถึงข้อจำกัดของตัวเอง อย่าพยายามทำอะไรที่เกินกำลัง

 

3 ปัญหาข้อต่ออื่นๆ

ต้นตอของปัญหา :  ร่างกายคนเราถูกสร้างมาเพื่อการเคลื่อนไหว  การอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไปสามารถทำให้ข้อต่อเกร็งและตึงได้ การนั่งเก้าอี้นานๆ เป็นการรั้งให้กล้ามเนื้อสะโพกที่ช่วยในการยืดหดขาหดตัวและตึง กล้ามเนื้อสะโพกที่ตึงนี้จะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน เนื่องจากกล้ามเนื้อสะโพที่แข็งตึงจะทำให้กระดูกเชิงกรานบิดไปข้างหน้า และเกิดแรงกดมาที่หลัง

การป้องกัน : นอกเหนือจากการลุกจากโต๊ะเป็นระยะๆ เดินไปรอบๆ บ้าง

 

4.ตาล้า

ต้นตอของปัญหา : คนทำงานออฟฟิศที่ใช้เวลานับชั่วโมงหน้าจอคอมพิวเตอร์ มักจะพบว่าตาเกิดอาการเบลอหลังจากนั้น รวมทั้งอาจรู้สึกแสบเคืองดวงตา รวมทั้งน้ำตาคลอ หรือตาแห้ง ปวดหัว หรือปวดคอ ล้วนเป็นอาการบ่งชี้ถึงอาการตาล้า (Eyestrain)

การป้องกัน: งานวิจัยบ่งชี้ว่า กล้ามเนื้อที่ช่วยให้ดวงตาเพ่งมองได้ชัดเจนสามารถขาดความยืดหยุ่นได้ ถ้าใช้เพ่งมองนานเกินไป เพื่อป้องกันดวงตาอ่อนล้า ควรให้ระยะทางจากดวงตาไปถึงหน้าจอควรห่างหนึ่งช่วงแขน ถ้าไม่สารถอ่านได้ชัดเจนในระยะนั้น ก็ขยายขนาดตัวหนังสือขึ้นอีกหน่อย และเมโยคลินิกให้คำแนะนำว่า ควรลดความจ้าของแสงที่หน้าจอลง รวมทั้งควรพักสายตาบ่อยๆ ด้วยการละสายตาจากหน้าจอมองไปทางอื่น

5.แบคทีเรีย

ต้นตอของปัญหา : ดร.ชาร์ลส เกอร์บ้า ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอริโซน่า บอกว่าในแง่ของแบคทีเรียแล้ว โต๊ะทำงานสกปรกมากกว่าโถส้วมถึง 400 เท่า เพราะคนเรามักชอบทานอาหารที่โต๊ะ แต่ไม่เคยทำความสะอาดมันอย่างจริงจัง โดยโทรศัพท์บนโต๊ะเป็นที่ซึ่งสกปรกที่สุด รองลงมาคือพื้นผิวโต๊ะ ตามด้วยเมาส์และคอมพิวเตอร์ แต่ปัญหาแบคทีเรียบนพื้นโต๊ะอาจรุนแรงกว่านั้นได้ ด้วยเศษขนมปังหรืออาหารอื่นๆ ที่อาจร่วงติดอยู่ตามคีย์บอร์ด ทำให้มีหนูเข้ามากินและแพร่เขื้อโรคเอาไว้ได้

การป้องกัน : ถ้าคุณชอบกินอาหารกลางวันที่โต๊ะ คุณควรแน่ใจว่าได้ล้างมือสะอาดแล้ว และเช็ดทำความสะอาดโต๊ะทำงานทุกวัน มันยังเป็นการป้องกันที่ดี และให้มีแสงสว่างและอากาศหมุนเวียนเพียงพอ การใช้สเปรย์ฆ่าเชื้ออาจจำเป็นกรณีที่มีการระบาดของโรคร้ายแรงเช่น SARS

 

6.สภาวะความเครียด

ต้นตอของปัญหา : ความเครียดในการทำงานเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าคุณทำงานที่ต้องใช้ร่างกาย หรือมีกิจกรรมที่ต้องใช้ร่างกายเป็นประจำ มันก็อาจช่วยในการบรรเทาความเครียดไดในระดับหนึ่ง แต่สำหรับคนที่ถูกผูกติดอยู่กับโต๊ะ คุณก็อาจสติแตกเพราะความเครียดขึ้นมาได้ในวันใดวันหนึ่ง จากข้อมูลของรอยเตอร์ชี้ว่า ราว 1 ใน 6 ของคนทำงานในสหรัฐฯ บอกว่าความโมโหและหงุดหงิดทำให้เกิดความเสียหายทางทรัพย์สินได้ และ 2-3% ของคนทำงานก็รับว่าเคยเกิดการตบตีหรือใช้กำลังกับคนอื่นที่ทำงาน ซึ่งเมื่อดูตัวเลขของคนทำงานในสหรัฐฯ ที่มีอยู่คร่าวๆ ราว 100 ล้านคน นั่นก็เท่ากับตัวเลขราว 3 ล้านคนเลยทีเดียว

นอกจากนี้ RJC Associates บริษัทด้านพัฒนาแรงงาน ก็รายงานว่า ราว 22% ของคนทำงานในสหรัฐฯ บอกว่า พวกเขาต้องร้องไห้ เพราะความเครียดในที่ทำงาน และ 9% บอกว่าความเครียดนำไปสู่ความรุนแรงทางร่างกาย

การป้องกัน : หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับความเครียดก็คือการรู้ว่าจะจัดลำดับความสำคัญเรื่องงานอย่างไร และไม่รับงานมากกว่าที่คุณจะสามารถรับมือได้

ลองคำนวณว่าคุณจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการรับมือกับปริมาณงานในปัจจุบันของตัวเอง เพื่อที่คุณจะได้เห็นว่าคุณมีความสามารถมากแค่ไหน ถ้าคุณยุ่งมากๆ และนายก็ยังขอให้ทำงานเพิ่ม คุณจะได้บอกว่าไม่ หาเหตุผลที่ชัดเจนและเห็นได้ แต่ก็ต้องเสนอทางออกด้วย นอกจากนี้ก็ควรใช้เทคนิคการหายใจหรือการผ่อนคลายง่ายๆ ซึ่งทำได้ที่โต๊ะทำงาน หรือการหยุดงานออกไปข้างนอกเสียบ้าง แต่ก็มีความขัดแย้งบางอย่างที่อาจต้องการคนกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาช่วยเหลือ

, , , , , ,