ลำไส้ใหญ่ เป็นเสมือนถังขยะส่วนตัวใบใหญ่ มันดูดซึมแร่ธาตุและน้ำจากอาหาร ก่อนที่จะผลักดันส่วนที่เหลือออกไปนอกร่างกาย แต่หลายสิ่งหลายอย่างอาจผิดปกติได้ในขั้นตอนที่ดูเรียบง่ายนี้ มาทำความรู้จักกับทุกปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้กับ “ลำไส้ใหญ่” ของเรา และวิธีการรับมือกับมัน
1.อาการ ลำไส้ใหญ่ แปรปรวน (Irritable bowel syndrome-IBS)
คืออะไร IBS เป็นคำที่หมอใช้เพื่ออธิบายถึงปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น อาการท้องร่วงบ่อยๆ ท้องอืด หรือท้องผูก ที่ไม่สามารถอธิบายได้
อาการ การวินิจฉัยทางการแพทย์ก็คือ อาการปวดท้องหรือไม่สบายท้อง อย่างน้อยเดือนละสามวันในช่วงสามเดือน รวมทั้งมีอาการเหล่านี้อย่างน้อยสองอย่างคือ อาการปวดที่ดีขึ้นหลังได้ขับถ่าย ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องความถี่ของการขับถ่าย และลักษณะของการขับถ่ายที่ต่างออกไป ในบางกรณี อาหารอาจรุนแรงจนคุณไม่อยากเดินทางไกล หรือแม้แต่ออกจากบ้าน
การรักษา อาจเป็นการให้ยาเช่นยาทำให้อุจจาระนิ่มลง อาหารเสริมไฟเบอร์ โพรไบโอติก หรือยาแก้อาการเกร็ง เพื่อผ่อนคลายอาการปวดท้อง ยาต้านอาการซึมเศร้าแบบอ่อนๆ ก็สามารถลดความรุนแรงของอาการเจ็บปวดที่ส่งจากลำไส้ไปสมองลงได้ คุณน่าจะลองจดไดอารี่การกิน เพื่อดูว่าอาหารอะไรที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการได้
2.ท้องเสีย
คืออะไร เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่ออาหารและของเหลว ไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ผนังลำไส้ใหญ่ได้ดีพอ เนื่องจากติดไวรัสที่ทำให้เกิดอาการอักเสบในล้ำไส้ สาเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวกับไวรัสก็คืออาหารเป็นพิษ การกินยาปฏิชีวนะบางอย่าง หรืออาการแพ้แลคโตสหรือฟรุคโตส
อาการ ถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ และมักจะมีอาการปวดท้องหรือท้องอืดร่วมด้วย
การรักษา คำแนะนำโดยทั่วไปก็คือการกินอาหารประเภท BRAT diet เช่น กล้วย ข้าว และขนมปัง หรืออาหารจืดๆ ที่มีเส้นใยอาหารต่ำ หลังถ่ายไปหลายรอบ ร่างกายจะสูญเสียเกลือแร่ในเลือด จึงต้องเติมเกลือแร่ให้ร่างกาย ด้วยอาหารที่อุดมด้วยโปแตสเซียมอย่างเช่นอะโวคาโด และเครื่องดื่มน้ำเกลือแร่ ลองปรึกษาแพทย์ก่อนกินยาแก้ท้องเสียที่มีขายตามร้านขายยาอย่าง Imodium เพราะในขณะที่มันอาจช่วยอาการของคุณ แต่มันอาจไปรบกวนกระบวนการธรรมชาติในการกำจัดอาการติดเชื้อ ส่วนใหญ่แล้วอาการท้องเสียจะหายไปได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง ถ้าไม่หายต้องไปหาหมอ หรือถ้าคุณมีเลือดออกมากับอุจจาระ หรืออุจจาระเป็นสีดำ
3.ท้องผูก
คืออะไร ในทางการแพทย์ อาการท้องผูกหมายถึงการถ่ายน้อยกว่าหนึ่งวันในเวลาห้าวัน แต่การขับถ่ายที่ปกติสำหรับทุกคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนอาจถ่ายเป็นประจำ แต่ก็ยังรู้สึกว่าท้องผูก เพราะรู้สึกว่าแต่ละครั้งขับถ่ายได้ยาก
อาการ อุจจาระของคุณจะแข็งและแห้ง คุณจึงขับถ่ายออกมาได้ยาก และอาจจะเจ็บปวด คุณยังรู้สึกท้องบวมอืด หรือรู้สึกไม่ค่อยสบายบริเวณหน้าท้องส่วนล่าง
การรักษา ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารคือตัวช่วยของคุณ เนื่องจากมันจะทำให้อุจจาระอ่อนตัวลง ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น พยายามกินไฟเบอร์ให้ได้อย่างน้อย 25 กรัมต่อวัน (แอปเปิลขนาดกลางลูกหนึ่งมีไฟเบอร์ 4.4 กรัม ถั่วดำต้มสุก 1 ถ้วยมีไฟเบอร์ราว 15 กรัม) หรือ 21 กรัม ถ้าคุณอายุมากกว่า 50 แค่ต้องดื่มน้ำเยอะๆ ด้วย เนื่องจากถ้าไม่มีน้ำ ไฟเบอร์อาจกลับทำให้การขับถ่ายช้าลงได้ และอย่าได้อั้นเอาไว้เวลาปวดอุจจาระ เพราะมันอาจทำให้คุณท้องผูกเรื้อรังได้ เนื่องจากเมื่ออุจจาระอยู่ในลำไส้ของคุณนานขึ้น ของเหลวจะถูกดูดซึมออกไป จนกระทั่งอุจจาระแห้งและแข็ง ทำให้ยิ่งขับถ่ายยาก แต่ถ้าคุณถ่ายยากจริงๆ ลองกินยาที่ช่วยให้อุจจาระนิ่มขึ้น กาแฟก็ใช้ได้ผลในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ แต่ถ้าคุณท้องผูกเป็นประจำ ควรลองปรึกษาแพทย์ให้จ่ายยาให้
4.ริดสีดวงทวาร
คืออะไร ถ้าคุณเคยตั้งครรภ์ คุณอาจเป็นโรคนี้ได้ จากแรงกดที่เพิ่มขึ้นที่เส้นเลือดบริเวณส่วนปลายลำไส้ใหญ่ จากอาการอักเสบของเส้นเลือดหรือผิวหนังบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย หรืออาจเพราะการต้องเบ่งหนักๆ เนื่องจากโรคลำไส้แปรปรวนหรือท้องผูก
อาการ คุณอาจมีเลือดสีแดงสดติดออกมาตอนเช็ดก้น หรือหยดลงในโถส้วม แต่ไม่มีอาการอื่น ไม่อย่างนั้นคุณก็อาจรู้สึกคันหรือระคายเคืองบริเวณทวารหนัก หรือรู้สึกเหมือนอุจจาระไหลออกมา
การรักษา ไปพบแพทย์ ถ้าไม่เป็นมาก ก็สามารถรักษาได้ด้วยการกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง (เพื่อป้องกันท้องผูก และทำให้ไม่ต้องเบ่งอุจจาระ) และสามารถใช้ยาที่ซื้อได้ตามร้านขายยยาเพื่อบรรเทาอาการคันหรือระคายเคือง ถ้าริดสีดวงทวารโผล่ออกมานอกทวารหนัก แพทย์จะใช้ยางรัดมันไว้เพื่อไม่ให้เลือดมาเลี้ยง และในที่สุดมันก็จะหลุดออกมาเอง แต่ถ้านั่นไม่ได้ผล ก็อาจต้องใช้การผ่าตัด